พลังงานที่ได้รับจาการอาหาร

     มนุษย์ทุกๆคนล้วนแต่มีความต้องการพลังงานเพื่อที่จะนำมาใช้ในการดำรงชีวิตประจำวัน เพื่อเป็นพลังงานในการเคลื่อนไหวร่างกาย พลังงานแก่สมองในการคิดวิเคราะห์ การเจริญเติบโตและการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย โดยพลังงานต่างๆในร่างกายของคนเรา สามารถรับได้ในรูปแบบอาหารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ข้าว ขนมปัง เนื้อสัตว์ ผักผลไม้ หรือแม้กระทั่งเครื่องดื่มต่างๆก็ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ให้พลังงานแตกต่างกันไป

     พลังงานที่เกิดจากการเผาผลาญอาหารเหล่านั้น สามารถวัดเป็นหน่วยแคลอรี่หรือกิโบแคลอรี่ ซึ่งอาหารแต่ละชนิดจะให้พลังงานที่แตกต่างกัน

     นักวิทยาศาสตร์และนักโภชนาการได้ทำการวิจัยจนได้ข้อสรุปว่า คนทั่วๆไปที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป มีความต้องการอาหารชนิดต่างๆที่เทียบเป็นค่าพลังงานแล้วจะเท่ากับวันละ 2000 กิโลแคลอรี่

     หากร่างกายได้รับพลังงานน้อยกว่า 2000 กิโลลแคลอรี่ จะทำให้ร่างกายผอมลง น้ำหนักตัวลดลง เพราะมีการใช้พลังงานจากชีวิตประจำวันมากกว่าพลังงานที่ร่างกายได้รับและร่างกายจะมีการดึงไขมันสะสมออกมาใช้ แต่หากร่างกายได้รับพลังงานมากเกินไปเกินความจำเป้น ร่างกายจะเก็บพลังงานนี้ไว้ในรูปแบบของไขมันและหากมีการสะสมมากเข้าในทุกๆวัน จะก่อให้เกิดเป็นไขมันส่วนเกินน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานหรือภาวะอ้วน ทำให้ไม่คล่องตัวและบุคลิกภาพไม่ดี ก่อให้เกิดโรคภัยต่างๆตามมา ไม่ว่าจะเป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หัวใจขาดเลือด รวมไปถึงปัญหาข้อเข่าเสื่อมก่อนวัน เป็นต้น

     ดังนั้นก่อนการรับประทานอาหารประเภทใดก็ตาม ให้สังเกตดูที่ฉลากสินค้า จะมีฉลากโภชนาการและคำนวนปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับ จึงควรหลีกเลี่ยงอาหารจำพวกไขมัน แป้งและน้ำตาล เพราะอาหารเหล่านี้เปลี่ยนแปลงเป้นพลังงานได้สูง แต่หากร่างกายได้รับพลังงานเกินความต้องการแล้วแต่ยังรู้สึกหิวอยู่อาจเลือกอาหารประเภทที่มีปริมาณไฟเบอร์สูง เพราะจะช่วยให้อิ่มท้องได้นาน ในขณะที่ให้แคลอรี่ต่ำ จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถลดพลังงานที่ร่างกายจะได้รับ ให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสมได้

เกล็ดความรู้เกี่ยวกับอาหาร

1.อาหารมื้อเช้า

     เป็นมื้อที่สำคัญที่สุด เนื่องจากร่างกายจะใช้พลังงานที่ได้รับากอาหารเช้าเปลี่ยนไปเป็นพลังงานที่ใช้สำหรับทำกิจกรรมหรือการงานต่างๆตลอดทั้งวันได้จนหมด นอกจากนี้อาหารเช้าจะมีระยะห่างจากอาหารเย็นมื้อล่าสุด อย่างน้อย 8 ชั่วโมง นั่นหมายถึงอาหารมื้อเย็นที่รับประทานเข้าไปร่างกายจะเผาผลาญเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงานไปใช้ในกิจกรรมต่างๆก่อนอน และขณะนอนหลับจนกระทั่งอาจไม่เหลือ หรือเหลือพลังงานจากอาหารเย็นไว้ให้ร่างกายได้ใช้ในเวลาเช้าหลังตื่นนอนน้อยมาก ดังนั้น การัรบประทานอาหารมื้อเช้าจึงเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด และไม่จำเป็นต้องจำกัดปริมาณการรับประทาน โดยเน้นอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายนั่นเอง

2.อาหารกลางวัน

     เป็นมื้ออาหารที่สำคัญรองลงมา เนื่องจากเป็นช่วงรอยต่อระหว่างเวลาเช้าและเวลาเย็น ร่างกายต้องการพลังงานจากอาหารจากอาหารมื่้อนี้พื่อนำไปใช้ระหว่างวันแต่ปริมาณอาหารในมื้อกลางวันให้รับประทานในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดเป็นพลังงานที่ร่างกายใช้ไม่หมด แล้วนำไปสู่การสะสมไขมันต่อไป

3.อาหารมื้อเย็น

     มื้อนี้ควรเป็นมื้อที่ควรควบคุมเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากกิจกรรมต่างๆที่เกิดหลังมื้อเย็นหรือการเผาผลาญต่างๆหลังอาหารมื้อเย็นจะมีน้อยมาก หากมีการรับประทานมื้อเย็นนี้เกินความจำเป็น จะก่อให้เกิดการสะสมไขมันและถูกเก็บไว้ในส่วนต่างๆของร่างกายทำให้รูปร่างอ้วนไม่สวยงามมีไขมันส่วนเกิน