การออกกำลังกายเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดและปลอดภัยต่อร่างกาย ผู้ที่ออกกำลังต้องมีความรู้เกี่ยวกับการออกกำลังกายที่ถูกต้องและต้องรู้จักเลือกประเภทของการออกกำลังกายให้เหมาะสมกับตนเอง ซึ่งประกอบด้วยขั้นตอนต่างๆดังนี้
1.การอบอุ่นร่างกาย(Warm Up)ประกอบด้วยการเหยียดยืดเอ็น กล้ามเนื้อ และข้อต่างๆ ตามด้วยการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อมัดใหญ่ๆโดยใช้เวลาประมาณ5-10นาที
ประโยชน์ของการอบอุ่นร่างกาย
1.ลดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ และข้อต่อต่างๆ
2.ค่อยๆกระตุ้นระบบหลอดเลือดหัวใจ และปอดให้พร้อมที่จะทำงานเพื่อป้องกันปัญหา เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจไม่พอจากการเริ่มออกกำลังกายอย่างรวดเร็ว
2.ระยะของการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง(Work Out) ให้เพิ่มความแรงของการออกกำลังกายที่เหมาะสม พยายามทำให้ต่อเนื่อง20-60นาที
ระดับความหนักของการออกกกำลังกายที่เหมาะสม คือระดับเบาถึงปานกลางในระยะแรก สามารถวัดได้โดยการจับชีพจร หรือใช้ความรู้สึกเหนื่อยเป็นตัวกำหนดคือ
การใช้ชีพจรเป็นตัวกำหนดในภาวะแรกของการออกกกำลังกายแบบเบา โดยกำหนดให้ชีพจรขณะออกกำลังกาย เหนื่อยสุดมากกว่าขณะพักไม่เกิน30ครั้งต่อนาที
ตัวอย่างการจับชีพจร
จับชีพจรขณะพักได้80ครั้งต่อนาที ชีพจรขณะออกกำลังกายที่เหนื่อยที่สุด ต้องไม่เกิน 110ครั้งต่อนาที(80+30)
หากไม่สามารถจับชีพจรได้ ให้ใช้ความรู้สึกเหนื่อยในขณะออกกำลังกาย เป็นตัวบอกระดับความหนักของการออกกำลังกายโดยความหนักที่เหมาะสมคือให้ออกกำลังจนรู้สึกเหนื่อยพอสมควรยังพอคุยได้ อย่าให้เหนื่อยจนพูดไม่ออก
3.การชะลอการออกกำลังกาย(Cool down)หลังจากออกกำลังกายต่อเนื่องกันนาน20-60นาที ค่อยๆลดความแรงของการออกกำลังกายลงช้าๆ ก่อนหยุด5-10นาที ตามด้วยการเหยียดยืด เอ็น กล้ามเนื้อและข้อต่อต่างๆ เหมือนกับช่วงอบอุ่นร่งกาย(Warm Up)
ประโยชน์ของการชะลอ(Cool down)
ป้องกันอาการหน้ามืด เป็นลม ความดันโลหิตต่ำ เลือดไปเลี้ยงสมองลดลงหรือกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด จากการคั่งของเลือดบริเวณกล้ามเนื้อ
ลดปัญหาปวดเมื่อยหรือบาดเจ็บจากการออกกำลังกาย
หลักการออกกำลังกายโดยทั่วไป
1.เลือกประเภทการออกกำลังกายให้เหมาะสมกับตนเองโดยพิจารณาจากปัญหาสุขภาพของตนเอง เช่น หากมีข้อเข่าเสื่อมควรหลีกเลี่ยงการวิ่งหรือกระโดด ควรออกกำลังกายในน้ำแทน เช่น เดินหรือเต้นแอโรบิกในน้ำ
2.เตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นในการออกกำลังกายเช่น ใส่รองเท้า สำหรับเล่นกีฬา ใส่ถุงเท้าที่ระบายอากาศได้ดี ใส่เสื้อผ้าให้เหมาะสมกับสภาพอากาศและกีฬาแต่ละประเภท
3.ออกกำลังกายเมื่อรู้สึกว่าร่างกายปกติดี ถ้ารู้สึกไม่สบาย เช่นมีไข้หรือเป็นหวัด ควรรอให้หายก่อนอย่างน้อย2วัน ก่อนเริ่มออกกำลังกาย
4.ไม่ออกกำลังกายทันทีหลังจากรับประทานอาหารใหม่ๆ ควรรออย่างน้อย 2 ชั่วโมง
5.ดื่มน้ำให้เพียงพอ ควรดื่มวันละ 1-2แก้ว ประมาณ1/2-1ชั่วโมง ทั้งก่อนและหลังออกกำลังกาย และชดเชยน้ำทุกๆ30นาที
6.ระวังเรื่องอากาศร้อน ไม่ควรออกกำลังกายในที่ๆมีอากาศร้อนจนเกินไป หลีกเลี่ยงออกกำลังกายกลางแสงแดด ใส่เสื้อผ้าที่ไม่คับหรืออึดอัดจนเกินไปและควรระบายอากาศได้ดี
ควรหยุดออกกำลังกาย และปรึกษาแพทย์ถ้ามีอาการต่อไปนี้
อาการแสดงของการออกกำลังกายมากเกินไป
1.ไม่สามารถพูดคุยได้ขณะออกกำลังกายเนื่องจากเหนื่อยหรือหายใจไม่ทัน
2.นอนไม่หลับ แม้จะเหนื่อยหลังออกกำลังกาย
3.คลื่นไส้จะอาเจียนหรือจะเป็นลมหลังออกกำลังกาย ควรลดปริมาณการออกกำลังกาย และเพิ่มช่วงชัลอ(Cool down)ให้เพียงพอ
4.ปวด เจ็บกล้ามเนื้อ กระดูก หรือ ข้อ ควรประเมินถึงเทคนิคการออกกำลังกาย ความหนัก warm up และ cool down ให้เพียงพอ
5.ความรู้สึกเหนื่อยควรจะลดลงจนเกือบปกติ หลังออกกำลังกายไม่เกิน 5 นาที หากรู้สึกเหนื่อยเพลียทั้งวันควรลดปริมาณการออกกำลังกาย
ข้อแนะนำสำหรับผู้ที่เริ่มออกกำำลัง
ในระยะแรกไม่ควรออกกำลังกายอย่างหนัก เพื่อให้อัตราการเต้นของหัวใจเป็นไปตามเป้าหมาย ควรเริ่มทำเบาๆก่อนให้รู้สึกเหนื่อยพอสมควร สัปดาห์แรกทำต่อเนื่อง 10-15นาที ในสัปดาห์ต่อไปค่อยๆเพิ่มระยะเวลาจนสามารถเล่นได้ต่อเนื่อง20-60นาที จึงค่อยๆเพิ่มความแรงจนถึงระดับที่ต้องการ ทำอย่างน้อย3วันต่อสัปดาห์หรือวันเว้นวัน
หมายเหตุ ถ้ามีปัญหาสุขภาพ เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจ ไขมันในเลือดสูง ข้อเสื่อม ฯลฯ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มออกกำลังกายด้วยตนเองลดน้ำหนักLipo8
นี่คือกล่อง "เขียนข้อความ" กล่องที่จะให้คุณเพิ่มข้อความ รูปภาพและวิดีโอได้อย่างอิสระตามสไตล์ของคุณเอง เช่น แบนเนอร์ โปรโมชั่น บทความ แนะนำร้านค้า หรือ รายการสินค้าเด่น เป็นต้น โดยคุณสามารถแก้ไขหรือลบกล่องนี้ได้หากคุณต้องการ ซึ่งมีวิธีการตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
วิธีการแก้ไขข้อความในกล่อง