ห้ามอ้วน

ทุกคนรู้ดีว่า ความอ้วน ไม่มีข้อดี มีแต่ข้อเสีย แล้วทำไม คนไทย30% ยังคงอ้วนอยู่ คำตอบคือ การลดความอ้วนทำได้ยากมากๆ

เมื่อไร จึงจะเรียกว่า...อ้วน

มีเกณฑ์กำหนด...ความอ้วน...ที่แพร่หลาย....2 แบบ

แบบที่1

คำนวณหา...ดัชนีมวลกาย(Body Mass Index = B.M.I)

สูตรคำนวณคือ...

ดัชนีมวลกาย(B.M.I) = น้ำหนัก(หน่วยเป็นกิโลกรัม)/ความสูง(หน่วยเป็นเมตร)กำลังสอง

ค่า B.M.I น้อยกว่า 18.5 ก.ก/ตรม. = ผอมเกินไป

ค่า B.M.I เท่ากับ 18.5-< 23 ก.ก/ตรม. = รูปร่างปกติ

ค่า B.M.I ระหว่าง 23-

ค่า B.M.I ระหว่าง 25-

ค่า B.M.I ตั้งแต่ 30 ก.ก/ตรม. ขึ้นไป = โรคอ้วนระดับที่ 2

ค่า B.M.I ตั้งแต่ 40 ก.ก/ตรม. ขึ้นไป = โรคอ้วนระดับที่ 3

แบบที่ 2

ใช้การวัดรอบเอว ในระดับสะดือ(ขณะหายใจออกจนสุด) เกณฑ์สำหรับคนไทย...

ผู้หญิง ...รอบเอวเกิน 80 ซ.ม (32 นิ้ว) ถือว่า....อ้วน

ผู้ชาย ...รอบเอวเกิน 90 ซ.ม (36 นิ้ว) ถือว่า....อ้วน

โรคอ้วน มีกี่แบบ?

โรคอ้วนมี 2 แบบคือ

1.อ้วนทั้งตัว เป็นการอ้วนที่มีลักษณะ มีไขมันกระจายสะสมอยู่ใต้ผิวหนังทั่วทั้งตัว

2.อ้วนลงพุง เป็นการอ้วนที่มีลักษณะ มีไขมันไปสะสม อยู่บริเวณช่องท้อง จำนวนมากไขมันบริเวณช่องท้อง มีโทษต่อร่างกาย มากกว่า ไขมันใต้ผิวหนัง เพราะ

ทำให้ร่างกายดื้อต่ออินซูลิน มากกว่าเป็นเบาหวานรุนแรงกว่า....

ทำให้เส้นเลือดอักเสบได้มากกว่าเกิดการอุดตันรุนแรงกว่า...

ทำให้เส้นเลือดหดตัวได้มากกว่าเป็นความดันโลหิตสูงรุนแรงกว่า...

ทำไมคนเราจึงอ้วน?

สาเหตุที่ทำให้คนเราอ้วน มีคนพูดถึงหลายสาเหตุ เช่น กินจุ... ออกกำลังกายน้อย... กินอาหาร... หวาน...มัน...มาก... กรรมพันธุ์

แต่สรุปว่ามีสาเหตุเดียวคือ...

รับประทานอาหารที่มีจำนวนแคลอรี่มากกว่า จำนวนแคลลอรี่ที่ร่างกายใช้ในแต่ละวัน ทำให้อาหารส่วนเกินเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมไว้ตามส่วนต่างๆของร่างกาย....

ทำอย่างไรจึงจะลดความอ้วนให้สำเร็จ?

คำตอบ คือ...

ปฏิบัติตาม...ข้อปฏิบัติห้าม 5 ต้อง 5...อย่างเคร่งครัด  ต่อเนื่องจนกว่าจะติดเป็นนิสัยถาวร  แล้วท่านจะไม่อ้วนอีกเลยตลอดชีวิต

ติดตามใน บทความ "ข้อปฏิบัติ ห้าม 5 ต้อง 5 กฎธรรมชาติที่ปฏิบัติง่าย และได้ผลจริง"