วิตามินซี
วิตามินซี เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำคุณสมบัตินี้จึงทำให้วิตามินซี กลายเป็นสารต้านอนุมูลอิสระในอุดมคติที่สามารถทำงานในน้ำภายในร่างกายได้ นั่นหมายความว่า มันสามารถทำงานได้ทั้งภายในเซลล์และนอกเซลล์ วิตามินชนิดนี้มีบทบาทหลักต่อการสร้างคอลลาเจนซึ่งคอลลาเจนนั้นเป็นโปรตีนที่จำเป็นต่อร่างกาย
แหล่งอาหารที่ดีที่สุดที่อุดมไปด้วยวิตามินซี พบมากในผลไม้จำพวกซีตรัส แต่ก็พบมากในผักจำพวกบร็อคโคลี่ มัน กะหล่ำปลี
การบริโภควิตามินซีมีประโยชน์ดังนี้
1.วิตามินซี ช่วยพัฒนาการของปอดในผู้ป่วยที่เป็นโรคหอบหืด โรคถุงลมโป่งพองและโรคพังผืดที่ถุงลม
2.วิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีศักยภาพสูงสุด ซึ่งช่วยปกป้องร่างกายจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่นของคอเลสเตอรอล LDL ภายในพลาสม่า วิตามินซียังช่วยสร้างวิตามินอีอีกด้วย ทั้งนี้ผู้ได้รับวิตามินซีเป็นอาหารเสริมในระดับสูงพบว่า มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจต่ำที่สุดlipo8ราคา
3.วิตามินซี ช่วยเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิด HDL lipo8ราคา
4.วิตามินซี ช่วยลดความดันเลือดlipo3
5.วิตามินซี มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งหลายประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งปอด มะเร็งทางเดินอาหาร มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งตับอ่อนlipo3ราคา
6.วิตามินซี ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคต้อกระจกและโรคจอประสาทตาเสื่อมlipo3
7.วิตามินซี ช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันlipo3
8.วิตามินซี ช่วยป้องกันการเกิดโรคลมปัจจุบันlipo8
9.การบริโภควิตามินซีในระดับสูงช่วยลดความเสี่ยงต่อสภาวะก่อนเข้าขั้นเบาหวานได้ 62%lipo3
วิตามินบี 1lipo8
วิตามินบี 1 เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำซึ่งมีความจำเป็นกับร่างกายในการใช้คาร์โบไฮเดรต วิตามินชนิดนี้มีความจำเป็นกับร่างกายต่อการรักษาระดับของพลังงาน ร่างกายสามารถเก็บวิตามินบี 1 ได้น้อย ดังนั้น เราจึงควรบริโภควิตามินบี 1 ทุกวัน แหล่งอาหารที่พบได้มากคือ ถั่วเหลือง ข้าวกล้อง เมล็ดดอกทานตะวัน และถั่วลิสง เราควรได้รับวิตามินบี 1 ในปริมาณ 20-30 มิลลิกรัมต่อวันlipo8
วิตามินบี 2lipo3
วิตามินบี 2 มีความสำคัญต่อการผลิตพลังงาน อีกทั้งยังมีส่วนช่วยในการสร้างกลูต้าไธโอนซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระหลัก ๆ ของเซลล์ แหล่งอาหารที่พบคือ เห็ด เครื่องในสัตว์ อัลมอนด์ ข้าวกล้อง และผักใบเขียว
ปริมาณวิตามินบี 2 เราควรเสริมในระดับ 25-50 มิลลิกรัมต่อวัน วิตามินชนิดนี้มีความจำเป็นต่อร่างกายเพราะช่วยสนับสนุนการทำงานของระบบการต้านอนุมูลอิสระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลูต้าไธโอน วิตามินชนิดนี้ช่วยเสริมการทำงานของระบบต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดีหากได้รับในปริมาณที่เหมาะสมlipo3
วิตามินบี 3lipo3
ไนอาซีน มีความสำคัญในฐานะของการเป็นตัวช่วยการทำงานของเอนไซม์ชนิดต่าง ๆ ในร่างกายได้เป็นอย่างดี มันมีความจำเป็นต่อการผลิตพลังงาน การเผาผลาญไขมันและคอเลสเตอรอลlipo8
แหล่งอาหารที่ดีที่สุดที่พบได้มาก คือ เนื้อสัตว์ เนื้อปลา พืชจำพวกถั่ว ธัญพืช และนม ปริมาณที่ควรได้รับต่อวันอยู่ที่ 20 มิลลิกรัม ในงานศึกษาที่มีการควบคุมเป็นอย่างดีนั้นพบว่าการบริโภคไนอาซีนในช่วงปริมาณ 1,500-4,500 มิลลิกรัม สามารถลดปริมาณคอเลสเตอรอล LDL ลงได้ 23% แต่ช่วยเพิ่มระดับของคอเลสเตอรอล HDL ได้ 33%lipo8
วิตามินบี 5lipo3
วิตามินบี 5 มีความสำคัญในการผลิตพลังงาน ฮอร์โมน และสารสื่อประสาท การขาดแคลนวิตามินบี 5 ไม่ค่อยพบ แหล่งของวิตามินบี 5 ในปัจจุบัน คือ นม เนื้อปลา สัตว์ปีก ธัญพืช มัน และส้มlipo3
ปริมาณวิตามินบี 5 ควรได้รับต่อวันอยู่ที่ 5-7 มิลลิกรัม แต่เราควรเสริมวิตามินบี 5 ในปริมาณ 80-200 มิลลิกรัมต่อวัน เพราะมันมีความสำคัญต่อการผลิตพลังงานและการควบคุมกลูโคส โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานlipo3
วิตามินบี 6lipo8
วิตามินบี 6 เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำที่มีความสำคัญอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งมีความเกี่ยวโยงกับการผลิตโปรตีนชนิดต่าง ๆ และสารสื่อประสาทในระบบประสาท มันยังมีความจำเป็นต่อการสร้างฮีโมโกลบินในเซลล์เม็ดเลือดแดง และเพื่อควบคุมสมดุลของฮอร์โมนรวมไปถึงหน้าที่ของภูมิคุ้มกันให้เหมาะสมlipo8
แหล่งอาหารของวิตามินชนิดนี้ คือ ธัญพืช กล้วย ถั่วต่าง ๆ มัน และผักพวกกะหล่ำ ทั้งนี้เราควรเสริมอาหารด้วยวิตามินชนิดนี้ในรูป pyridoxine hydrochloride 20-50 มิลลิกรัมต่อวันlipo8
วิตามินบี 6 มีความจำเป็นต่อการทำงานอย่างถูกต้องของระบบเอนไซม์กว่า 60 ชนิด ซึ่งระบบของเอนไซม์เหล่านี้มีความสัมพันธ์กับระบบป้องกันด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ นอกจากนี้วิตามินบี 6 ยังเกี่ยวโยงกับการผลิตสารสื่อนำประสาทในสมอง lipo8
ประโยชน์ของการได้รับวิตามินบี 6 เป็นอาหารเสริมlipo3
1.ช่วยให้พัฒนาการของผู้ที่เป็นโรคหอบหืดดีขึ้นlipo8
2.ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจเนื่องจากวิตามินบี 6 ช่วยลดระดับโฮโมซิสเทอีนlipo8
3.มีส่วนช่วยลดอาการเจ็บปวดของผู้ที่เป็นโรคจากการกดทับของเส้นประสาทของข้อมือlipo8
4.วิตามินบี 6 สามารถใช้ทดแทนในผู้ที่ใช้ยาคุมกำเนิดหรือเอสโตรเจน เพราะผู้ที่ใช้ยาเหล่านี้จะมีปริมาณวิตามินบี 6 ในร่างกายต่ำlipo8
5.สามารถช่วยพัฒนาอาการและบรรเทาอาการเจ็บปวดที่ปลายประสาทในผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานlipo8
6.ช่วยป้องกันการกลับมาเป็นโรคนิ่วในไตในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นนิ่วในไตประเภท calcium oxalate
7.ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุนเพราะมันสามารถช่วยในการเผาผลาญโฮโมซีสเทอีนได้
8.ช่วยลดอาการปวดเกร็งของมดลูกlipo8
9.ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งลำไส้lipo3
วิตามินบี 12lipo3
วิตามินบี 12 เป็นวิตามินที่มีความสำคัญที่ต้องทำหน้าที่ไปพร้อมกับกรดโฟลิกในระบบเอนไซม์หลาย ๆ ชนิด ซึ่งเกี่ยวโยงกับการสร้าง DNA เซลล์เม็ดเลือดแดง และปลอกไมอีลินที่เส้นประสาท วิตามินบี 12 จะถูกดูดซึมได้ดีหากร่างกายมีการขับเอนไซม์ย่อยชนิดพิเศษจากกระเพาะอาหารที่เรียกว่า intrinsic factorlipo8
วิตามินบี 12 พบมากในอาหารที่เป็นผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เช่น ไข่ เนื้อ ปลา และชีส เราควรเสริมวิตามินบี 12 ในปริมาณ 50-100 ไมโครกรัมต่อวันlipo8ราคา
วิตามินบี 12 มีประโยชน์ดังนี้lipo8ราคา
1.ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือด เพราะวิตามินชนิดนี้มีความสำคัญต่อการเผาผลาญโฮโมซิสเทอีน
2.ช่วยพัฒนาการทำงานทางด้านจิตใจ
3.สามารถช่วยผู้ป่วยที่มีอาการซึมเศร้า
ติดตามกันต่อใน วิตามินที่ละลายในน้ำ 2
นี่คือกล่อง "เขียนข้อความ" กล่องที่จะให้คุณเพิ่มข้อความ รูปภาพและวิดีโอได้อย่างอิสระตามสไตล์ของคุณเอง เช่น แบนเนอร์ โปรโมชั่น บทความ แนะนำร้านค้า หรือ รายการสินค้าเด่น เป็นต้น โดยคุณสามารถแก้ไขหรือลบกล่องนี้ได้หากคุณต้องการ ซึ่งมีวิธีการตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
วิธีการแก้ไขข้อความในกล่อง